แนวการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ


กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ 
 ความหมาย
                การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ  เป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน โดยการ
                     1.  ผสมผสานหลักสูตร – ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
                     2.  ผสมผสานกระบวนการสอน / กระบวนการเรียนรู้ / ปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมอันดีงาม  โดยคำนึงถึง
-          ความแตกต่างระหว่างบุคคล
-          ความสามารถทางสติปัญญา
                การบูรณาการทางการสอนจะช่วยฝึกให้ผู้เรียนรู้จักนำความรู้ไปผสมผสานกัน   ฝึกให้รู้จักใช้ เหตุผลและการนำไปประยุกต์ใช้  เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
 เหตุผลในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ด้านจิตวิทยา
ผู้เรียนได้มีโอกาสได้รับความรู้ที่หลากหลาย เกิดการนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ด้านสังคมวิทยา
ผู้เรียนต้องการทักษะจากหลายสาขาวิชาร่วมกัน จึงจะสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ด้านบริหาร
-          แก้ปัญหาด้านการขาดแคลนบุคลากร
-          แก้ปัญหาความซ้ำซ้อนของเนื้อหาวิชา
-          ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
แนวคิด / ทฤษฎี
              กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ
1.      ปรัชญาการศึกษาแบบ  Progressivism  ของ  John Dewey
-          การศึกษาคือชีวิต : คนต้องศึกษาตลอดชีวิต (ความรู้มากมายมหาศาล)
-          เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
-     การเรียนโดยการแก้ปัญหา
-          ส่งเสริมร่วมมือการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
-          สร้างเสริมการอยู่ร่วมกันในวิถีประชาธิปไตย
              2.   ทฤษฎีการเรียนรู้ในด้าน  Cognitive  ที่ใช้  Constructivism  Approach 
      หลักสำคัญของ  Constructivism  คือ ผู้เรียนต้องสร้างความรู้เอง  ครูเป็นผู้ช่วย
      โดยจัดหาข้อมูลข่าวสารที่มีความหมายให้แก่ผู้เรียน  หรือให้โอกาสผู้เรียนได้ค้นพบ
      ด้วยตนเอง  และเป็นผู้ลงมือกระทำ
              3.   ทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความหมายของ  Ausubel
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ  Ausubel  เน้นความสำคัญของการเรียนรู้อย่างมีความเข้าใจและมีความหมาย   การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนได้เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้ใหม่เข้ากับความรู้เดิมที่อยู่ในสมองของผู้เรียน
              4.   การถ่ายโยงการเรียนรู้  (Transfer of Learning)
การถ่ายโยงการเรียนรู้  หมายถึง  การนำสิ่งที่เรียนรู้แล้วไปใช้ในสถานการณ์ใหม่  การถ่ายโยงการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่สำคัญเพราะวัตถุประสงค์ของการศึกษาที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การเตรียมผู้เรียนให้สามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ประโยชน์ในอนาคตทั้งในด้านประกอบอาชีพ และการแก้ปัญหาต่าง ๆ 
  ลักษณะสำคัญของการบูรณาการ 
              การบูรณาการทำได้หลายระดับ  โดยเป็นการบูรณาการระหว่าง
§       ความรู้ของวิชาต่าง ๆ     (บูรณาการหลักสูตร)
§       ความรู้และกระบวนการเรียนรู้   (บูรณาการกระบวนการเรียนการสอน)
§       พัฒนาการทางความรู้และพัฒนาการทางจิตใจ (จิตพิสัย)  เน้นทั้งความรู้ และ
                    เจตคติ  ค่านิยม  ความสนใจ  สุนทรียภาพ
§       ความรู้และการกระทำ  เน้นทั้งความรู้และทักษะพิสัย 
§       สิ่งที่เรียนในโรงเรียนกับสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน 
§       สิ่งที่เรียนในโรงเรียนต้องมีความหมายและมีคุณค่าต่อชีวิต สามารถนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้น 
  หลักการจัดการเรียนรู้ 
         การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ (Learning Integration)   อาจจัดได้  2  ลักษณะ  คือ
         1.  การบูรณาการภายในวิชา  (Intradisciplinary)    เป็นการบูรณาการที่เกิดขึ้นภายในขอบเขตของเนื้อหาเดียวกัน  วิชาที่ใช้หลักการบูรณาการภายในวิชาเดียวกันมากที่สุด คือ วิชาภาษา หรือกระบวนการทางภาษา ซึ่งประกอบด้วยการฟัง  การพูด  การอ่าน   และการเขียน   เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกันหลายแบบ  นอกจากวิชาภาษาแล้ว  วิชาสังคมศึกษา  วิทยาศาสตร์  หรือคณิตศาสตร์    ก็ใช้หลักการเชื่อมโยงภายในวิชาได้
         2.  การบูรณาการระหว่างวิชา  (Interdisciplinary)    เป็นการเชื่อมโยงหรือรวมศาสตร์ต่าง ๆ ตั้งแต่  2 สาขาวิชาขึ้นไปภายในหัวเรื่อง (Theme) เดียวกัน   เป็นการเรียนรู้โดยใช้ความรู้ความเข้าใจและทักษะในศาสตร์ หรือความรู้ในวิชาต่าง ๆ มากกว่า 1 วิชาขึ้นไป  เพื่อแก้ปัญหา หรือการแสวงหาความรู้ความเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง    การเชื่อมโยงความรู้และทักษะระหว่างวิชาต่าง ๆ  จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงผิวเผินและมีลักษณะใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากขึ้น
           การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการทั้ง  2  ลักษณะนั้น    สามารถจัดเป็นรูปแบบของการบูรณาการ (Models  of  Integration)  ได้  4  รูปแบบ  คือ
         1.      บูรณาการแบบสอดแทรก  (Infusion Instruction)   ครูผู้สอนในวิชาหนึ่งสอดแทรกเนื้อหา
ของวิชาอื่น ๆ เข้าในการเรียนการสอนของตน  เป็นการสอนตามแผนการสอนและประเมินผลโดยครูคนเดียว  วิธีนี้ถึงแม้นผู้เรียนจะเรียนจากครูคนเดียว  แต่สามารถมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างวิชาได้
           2.  บูรณาการแบบขนาน  (Parallel  Instruction)  ครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากันต่างคนต่างสอน แต่ต้องวางแผนเพื่อสอนร่วมกัน  โดยมุ่งสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน ระบุสิ่งที่ทำร่วมกันและตัดสินใจร่วมกัน  ว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอดและปัญหานั้น ๆ อย่างไร  ในวิชาของแต่ละคน ใครควรสอนก่อน-หลัง  งานหรือการบ้านที่มอบหมายให้ผู้เรียนทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิชา แต่ทั้งหมดจะต้องมีหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน  การสอนแต่ละวิชาจะเสริมซึ่งกันและกัน   ทำให้ผู้เรียนมองเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันระหว่างวิชา
           3.  บูรณาการแบบสหวิทยาการ  (Multidisciplinary Instruction)   การจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบนี้คล้ายกับบูรณาการแบบขนาน  กล่าวคือ  ครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน มาวางแผนเพื่อสอนร่วมกัน  โดยกำหนดว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน  ต่างคนต่างแยกกันสอนตามแผนการสอนของตน  แต่มอบหมายให้ผู้เรียนทำงานหรือโครงการร่วมกัน  ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงความรู้สาขาวิชาต่าง ๆ เข้าด้วยกันจนสร้างชิ้นงานได้   ครูแต่ละวิชากำหนดเกณฑ์เพื่อประเมินผลชิ้นงานของผู้เรียนในส่วนวิชาที่ตนสอน
           4.  บูรณาการแบบข้ามวิชา หรือสอนเป็นคณะ (Transdisciplinary Instruction)  ครูที่สอนวิชาต่าง ๆ ร่วมกันวางแผน  ปรึกษาหารือ กำหนดหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน  จัดทำแผนการสอนร่วมกัน  แล้วร่วมกันสอนเป็นคณะ (Team)   โดยดำเนินการสอนผู้เรียนกลุ่มเดียวกัน มอบหมายงาน/โครงการให้นักเรียนทำร่วมกัน  ครูทุกวิชาร่วมกันกำหนดเกณฑ์เพื่อประเมินผลชิ้นงานของผู้เรียนร่วมกัน
  ขั้นตอนและวิธีการ 
         การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ  ทั้งการบูรณาการภายในวิชาและบูรณาการระหว่างวิชา  มีหลักการเช่นเดียวกัน โดยมีขั้นตอนและวิธีการดังต่อไปนี้
         1.  การวางแผนและการประเมินผลการสอนแบบบูรณาการ
             ขั้นที่ 1     วิเคราะห์หลักสูตรและเลือกหัวเรื่อง  (Theme)
-          ระดมพลังสมองของครู /ผู้เรียน
-          กำหนดโครงการสอนให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวต 
                        -     การศึกษาเอกสารต่าง ๆ
-          กำหนดหัวข้อเรื่อง (Topic) ให้แคบลง (หาความสัมพันธ์ของความรู้ในวิชาต่าง ๆ
             ขั้นที่ 2    การพัฒนาหัวเรื่อง 
-          กำหนดเวลาในการสอนให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงปฎิทินปฎิบัติงานของโรงเรียน 
-          กำหนดวัตถุประสงค์ โดยระบุความรู้ด้วยความสามารถที่ต้องการจะให้เกิดแก่ผู้เรียน 
-          สร้างวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถสร้างความเชื่อมโยง 
-          ให้ผู้เรียนคาดการณ์ถึงความสำเร็จขั้นต้น 
             ขั้นที่ 3      แหล่งข้อมูล
-          กำหนดแหล่งข้อมูลเพื่อช่วยให้ครูสามารถจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการได้ 
-          ตัวอย่างแหล่งข้อมูล 
-          สมาชิกในกลุ่ม 
-          ผู้ปกครอง 
-          การออกไปสำรวจ 
-          การบริการชุมชน 
-          การพัฒนาสื่อในเชิงพาณิชย์ 
-          เทคโนโลยี 
-          ผู้สอนจากแหล่งอื่น ๆ 
-          ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ  ผู้ให้คำปรึกษา 
-          แหล่งข้อมูลท้องถิ่น 
              ขั้นที่ 4    การพัฒนากิจกรรมการเรียน
-          สร้างกิจกรรมข้ามวิชาในหลักสูตร 
-          การติดต่อกับแหล่งข้อมูล 
-          ข้อเสนอในการพิจารณากิจกรรม 
§       การกำหนดจุดประสงค์ให้ชัดเจน 
§       การใช้ประโยค 2-3 ประโยค  เพื่อให้เห็นภาพรวม
§       การกำหนดสื่อการเรียนการสอน 
§       การตัดสินใจเดำเนินการเรียนการสอน 
§       เตรียมสื่อเพื่อจัดกิจกรรม 
§       ออกแบบวิธีการวัดผลให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ 
    


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น